ขณะนี้คุณอยู่ที่ | หน้าแรก | วารสารปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑๒ | รานี เสงี่ยม, ธีรศักดิ์ ศรีสุรกุล, จรรยา ชัยนาม, นัทที ศรีถม, อารี ภาวสุทธิไพศิฐ, เสรี เทียนเจลี้
วารสารวิทยาลัยราชสุดาเพื่อการวิจัยและพัฒนาคนพิการ
วารสารปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑๒
บทความวิจัย : การพัฒนารูปแบบกระบวนการสอนการออกแบบเครื่องดินเผา
สำหรับนักศึกษาหูหนวก วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล
ผู้วิจัย : รานี เสงี่ยม, ธีรศักดิ์ ศรีสุรกุล, จรรยา ชัยนาม,
นัทที ศรีถม, อารี ภาวสุทธิไพศิฐ, เสรี เทียนเจลี้
E-mail : raranee@hotmail.com
บทคัดย่อ
การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพและปัญหากระบวนการสอนการออกแบบเครื่องดินเผาสำหรับนักศึกษาหูหนวก วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล และ 2) พัฒนารูปแบบกระบวนการสอนการออกแบบเครื่องดินเผาสำหรับนักศึกษาหูหนวก วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลการวิจัยสรุปดังนี้
- 1. สภาพและปัญหากระบวนการเรียนการสอน พบว่า ปัญหาจะอยู่ในส่วนของผู้เรียนที่ สืบเนื่องมาจากวิธีการรับรู้ของคนหูหนวกและส่งผลต่อการเตรียมการสอนและการดำเนินการสอน จึงได้พัฒนารูปแบบกระบวนการสอนการออกแบบเครื่องดินเผาสำหรับนักศึกษาหูหนวก วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล ประกอบด้วย 9 ขั้นตอนคือ 1)นำเข้าสู่การสร้างงานออกแบบ 2)การสร้างหัวข้อและขอบเขตในการออกแบบ 3)การเก็บข้อมูล 4)การค้นคว้าหาข้อมูล(ผลิตภัณฑ์) 5)การค้นคว้าหาข้อมูล(ที่มาของการออกแบบ) 6)การวิเคราะห์ข้อมูล 7)การร่างแบบ 8)การคัดเลือกแบบและออกแบบรายละเอียด และ 9)การประเมินผลงาน
- 2. ปัจจัยเงื่อนไขที่เกื้อหนุนให้กระบวนการสอนการออกแบบเครื่องดินเผาสำหรับนักศึกษาหูหนวกมีประสิทธิภาพต้องประกอบไปด้วย ด้านผู้สอน ด้านผู้เรียน และด้านการสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน ได้แก่ ล่ามภาษามือไทย ผู้จดคำบรรยาย ผู้ช่วยสอน และเจ้าหน้าที่โสตทัศนูปกรณ์
- 3. ผลการประเมินรูปแบบกระบวนการสอนการออกแบบเครื่องดินเผาสำหรับนักศึกษาหูหนวกโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 10 ท่าน พบว่ามีความเหมาะสม (Mean อยู่ระหว่าง 4.30 ถึง 4.60) และความเป็นไปได้ (Mean อยู่ระหว่าง 4.30 ถึง 4.50) มากถึงมากที่สุดในการนำไปใช้
คำสาคัญ: กระบวนการสอนการออกแบบเครื่องเคลือบดินเผา, นักศึกษาหูหนวก
วารสารฉบับเต็ม :ดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็ม
- หน้าแรก
- รายละเอียด
- คณะกรรมการวารสาร
- คำแนะนำในการเตรียมต้นฉบับ
- การส่งบทความ
- การพิจารณาตีพิมพ์
- เจ้าของ / ติดต่อ
- การสมัครสมาชิก
* ความคิดเห็น ข้อมูล และบทสรุปต่าง ๆ ที่ตีพิมพ์ ในวารสารเป็นของผู้เขียนบทความ และมิได้แสดงว่า กองบรรณาธิการวารสารวิทยาลัยราชสุดาและ คณะผู้จัดทำเห็นด้วยทั้งหมด